ลูกจ้างรัฐรวมตัวประท้วงวิกฤติ 'แช่แข็ง' สหรัฐฯ

 

ลูกจ้างรัฐรวมตัวประท้วงวิกฤติ 'แช่แข็ง' สหรัฐฯ

 

                                    



        พนักงานรัฐ ซึ่งถูกพักงานเนื่องจากปัญหาวิกฤติงบประมาณในสหรัฐฯ รวมตัวประท้วงในกรุงวอชิงตันดีซี ขณะที่ทำเนียบขาวยอมรับว่า ภาวะ Government Shutdown ที่เกิดขึ้น กระทบต่อมาตรการคว่ำบาตรที่ใช้กับอิหร่าน และซีเรีย

บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ซึ่งถูกสั่งพักงานเนื่องจากภาวะ Government Shutdown หรือการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วนทั่วประเทศ ได้รวมตัวกันด้านนอกอาคารรัฐสภา ในกรุงวอชิงตันดีซี เพื่อเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรส เร่งเจรจาหาข้อยุติเกี่ยวกับการผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ และทำให้พวกเขาได้กลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง

หนึ่งในผู้ประท้วงกล่าวว่า วิกฤติงบประมาณครั้งนี้ ทำให้เขาต้องยกเลิกการส่งลูกชายวัย 4 ขวบ ไปเข้ารับการเลี้ยงดูที่สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากทั้งเขาและภรรยา ต่างก็เป็นพนักงานรัฐที่ถูกสั่งพักงานจากภาวะ Government Shutdown และยังไม่ทราบแน่ชัดว่า จะได้รับเงินชดเชยย้อนหลัง หากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ยุติลงหรือไม่

ด้านบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน ยอมรับว่า ภาวะ Government Shutdown ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่วันที่ 5 น่าจะยืดเยื้อออกไปอีกนานหลายสัปดาห์ เนื่องจากล่าสุด ทั้งฝ่ายรีพับลิกัน และพรรคเดโมแครต รวมถึงนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงไม่มีท่าทีประนีประนอม

โดยพรรครีพับลิกัน ยืนยันจะยอมโหวตผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ ก็ต่อเมื่อมีการชะลอโครงการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ หรือ "โอบามาแคร์" ออกไป ขณะที่ฝ่ายเดโมแครต และนายโอบามา ยืนยันว่าจะไม่เจรจาใดๆ หากรีพับลิกัน ยังคงต้องการเชื่อมโยงร่างงบประมาณฉบับนี้ กับโครงการโอบามาแคร์ของรัฐบาล

นายเจย์ คาร์นี โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ภาวะ Government Shutdown ล่าสุด นอกจากจะกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวอเมริกันจำนวนมาก ยังบั่นทอนประสิทธิภาพของนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ โดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อกดดันให้อิหร่าน และซีเรีย ปฏิบัติตามกฎระเบียบของประชาคมระหว่างประเทศ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังจำนวนมากที่ดูแลเรื่องนี้ ต้องถูกพักงาน จากปัญหาวิกฤติงบประมาณที่เกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้ นายโอบามายังประกาศยกเลิกการเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงการเข้าร่วมประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก ที่อินโดนีเซีย และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ที่ประเทศบรูไน ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากปัญหาการเมืองภายในที่เกิดขึ้น

ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า การยกเลิกเยือนเอเชียครั้งนี้ จะกระทบต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะทำให้จีน สามารถขยายอิทธิพลเข้าไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ง่ายยิ่งขึ้น
by Phanuwat
5 ตุลาคม 2556.
http://news.voicetv.co.th

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

Visitors: 21,907